ท่องเว็บทุกวันใครหลายคนอาจจะไม่รู้ถึงความต่างของแต่ละเบราว์เซอร์ของแต่ละค่าย วันนี้มาดูกันว่า เบราว์เซอร์ตัวไหนที่คนนิยมใช้มากที่สุด

1.Google Chrome

เรียกได้ว่าเป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ใครหลายคนก็ต่างที่จะเลือกใช้กันเลยก็ว่าได้ เพราะถือว่าเป็นเบราว์เซอร์ที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลก เพราะว่าเบราว์เซอร์ กูเกิล โคมนั้นใช้งานได้ง่ายมากและยังสามารถเชื่อมต่อกับหลายๆ อุปกรณ์ได้อย่างไร้รอย รวมไปถึงจัดเก็บข้อมูลต่างๆ เช่นรูปภาพของเราได้อีก แต่ข้อเสียก็มีเหมือนกันนะ เพราะกูเกิลโคมนั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่กินทรัพยากรคอมพิวเตอร์ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว แต่ก็ขึ้นอยู่กับสเปคของคอมพิวเตอร์ของแต่ละคนด้วยว่าแรงขนาดไหน ในเรื่อง ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ที่ตามมาก็เป็นปัญหาได้ อาทิ  ปัญหาไวรัสที่เกิดขึ้นจากการใช้อินเตอร์เน็ต หรือ ข้อมูลส่วนต่างๆของเรา ที่อาจหลุดรั่วออกไปได้ แต่ก็สามารถแก้ไขได้เช่นกัน โดยการข้าไปตั้งค่าเพื่อป้องกันข้อมูลของเราได้

2.Mozilla Firefox

หลายคนคงต้องเคยผ่านประสบการณ์ในการใช้เว็บเบราว์เซอร์อย่าง Firefox กันมาบ้างแล้วล่ะ แต่หาหากเรานั้นทำการเปรียบเทียบคุณสมบัติของ Firefox กับ Google Chrome แล้วเรียกได้ว่าไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไหร่เลยใช่ไหมล่ะ  ซึ่งFirefox นั้นเป็นเว็บไซต์ที่มีคนเลือกใช้เป็นอันดับที่สองของโลกเลยนะ โดยเป็น Open – Source Browser (เบราว์เซอร์ที่เจ้าของลิขสิทธิ์อนุญาตใช้มีการเข้าไปใช้ พัฒนา ปรับปรุง แก้ไข และเปลี่ยนแปลง Source Code ได้) โดยเบราว์เซอร์ตัวนี้เรียกได้ว่าให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นอันดับต้นๆ เลยนะ แถมยังดีไซน์เว็บเบราว์เซอร์ในแบบของตัวเองตามที่เรานั้นต้องการได้อีกต่างหาก เพราะเขาจะมีธีมต่างๆ ให้เลือกใช้  เก๋มากเลยใช่ไหมล่ะ นอกจากนี้ก็ยังไม่กินพื้นที่ทรัพยากรคอมพิวเตอร์หนักด้วยนะ ดังนั้นใครที่มีปัญหาเรื่องของสเปคคอมพิวเตอร์ที่ค่อนข้างต่ำ แนะนำให้ลองสักครั้ง ดูก่อนนะ เผื่อจะติดใจจนไม่อยากใช้เว็บเบราว์เซอร์อื่น

3.Brave

เป็นเว็บเบราว์เซอร์สำหรับการท่องอินเตอร์เน็ตรูปแบบใหม่เลยก็ว่าได้ ซึ่งเจ้าเว็บเบราว์เซอร์นี้กำลังได้รับความนิยมรวมไปถึงเสียงตอบรับที่ดีในวงการของเทคโนโลยีด้วยนะ  เพราะลักษณะการใช้งานของเว็บที่มีความคล้ายคลึงกับ Firefox แต่กลับเด่นเรื่อง ความเป็นส่วนตัว ที่มีมากกว่า ดีไซน์ก็เรียบง่ายใช้งานก็ยังง่ายไม่กินทรัพยากรเครื่องเท่าที่ควร  แถมยังมีฟีเจอร์ที่เด่น ก็คือ Brave Shield ซึ่งจะช่วยในเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวมากเป็นพิเศษ ทั้งยังจะมีตัวบล็อกโฆษณา ไม่ให้มารบกวนใจ แค่นี้ก็ว้าวแล้ว แต่ยังไม่หมดนะเจ้าเบราว์เซอร์นี้หมดห่วงในเรื่องของ Tracking อีกต่างหาก ว่าเราไปสถานที่ไหนมาบ้าง และไม่จำเป็นต้องลง Extension อื่นๆ เพิ่มเติมเลย  นอกจากนี้ตัวเบราว์เซอร์อย่าง Braveนั้น ยังมี Crypto Token ที่มอบให้ผู้ใช้งานเพื่อนำไปแลกเงินมาได้จริงๆ อีกด้วยนะ ว้าวแบบเต็มที่สุดๆไปเลยใช่ไหมล่ะ ลองไปใช้กันดูนะ

4.Microsoft Edge

ในที่สุด Microsoft ก็กลับเข้ามาในสนามเบราว์เซอร์ได้เสียที หลายต่อหลายครั้งที่บริษัทเบราว์เซอร์รุ่นเดอะอย่าง Internet Explorer ที่เรียกได้ว่ามีมาให้เราเห็นกันอย่างยาวนานนั้น จะมีการพัฒนาเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น แต่สุดท้ายก็เรียกได้ว่าคว้าน้ำเหลวไปหลายครั้งเช่นกัน  สุดท้ายก็ต้องยอมที่จะยกเครื่องใหม่ทั้งหมด และปรับปรุงใหม่ขึ้นมาเป็น Microsoft Edge ที่ไม่ใช่ดีขึ้นกว่าเดิมแต่กลับเทียบกันไม่ติดจากเดิมเลยต่างหาก จนทำให้เป็นเบราว์เซอร์อีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจที่จะแนะนำให้ลองใช้งานเป็นอย่างมาก แต่ถึงจะทำการการเปลี่ยนแปลงใหม่ทั้งหมด ความแตกต่างของตัวเบราว์เซอร์อย่าง  Microsoft Edge กับเว็บเบราว์เซอร์ของ ค่ายอื่นๆนั้นกลับ ยังไม่เห็นความแตกต่างเท่าที่ควร ลักษณะของการใช้งานกลับเหมือนการผสมผสานระหว่าง Google Chrome และ Firefox  นักส่วนเรื่องความปลอดภัยแต่ความเป็นส่วนตัวก็ยังถือว่าทำได้ดี แต่ถ้าจะให้บอกถึงข้อดีที่สุดคงจะเป็นในเรื่องของ ประสิทธิภาพที่ทำได้ดีกว่าเบราว์เซอร์ตัวอื่น ทั้งในเรื่องของความเร็ว  ความลื่นไหลของเบราว์เซอร์ตัวนี้นั้นถือว่าใช้ได้เลยทีเดียว

5.Opera

นี่มัน Google Chrome เลยนี่หว่า ใครที่ได้ลองใช้งานเจ้าเว็บเบราว์เซอร์นี้คงมีความคิดเดียวกันกับผู้เขียนเลยใช่ไหมล่ะ  ซึ่งก็เรียกได้ว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะพื้นฐานของเว็บเบราว์เซอร์สองตัวนี้มาจากที่เดียวกัน  แต่ว่า… Opera จะมีสิ่งที่แตกต่างออกไปนั้นคือ  Sidebar ที่สามารถบุ๊กมาร์กเว็บไซต์ที่เราชื่นชอบได้นั้นเอง อีกทั้งความเร็วนี่ไม่แพ้ใครเลยนะ สามารถที่จะเปิดหน้าต่างเว็บไซต์ไว้ได้ตลอดเวลาอีกด้วย  รวมถึงมีโหมดที่ช่วยลดการดาวน์โหลดดาต้าลง ซึ่งเรียกได้ว่าส่วนนี้นั้นมีประโยชน์เป็นอย่างมากมากสำหรับคนที่แชร์อินเตอร์เน็ตจากมือถือในแบบที่จำกัดปริมาณ แต่ก็มีข้อเสียบางอย่างที่ทำให้ Opera ไม่ได้รับความนิยมนั้นก็คือ บางเว็บไซต์นั้นก็ไม่ได้ทำการอัปเดตโค้ดเพื่อที่จะให้ทำการรองรับกับ Opera จึงทำให้ไม่สามารถแสดงผลได้ นั้นเอง คิดว่าในอนาคตก็คงมีการพัฒนากันต่อไปแน่นอน