คุณว่าอาจเคยได้ยินคำว่าสัญญาณโรมมิ่งกันมาบ้าง แต่ก็ยังไม่มีความเข้าใจมากนักว่าสัญญานี้คืออะไรกันแน่และมีประโยชน์อย่างไร มีหน้าที่อย่างไร บางครั้งในยามที่คุณไปต่างประเทศ ก็อาจจะมีสัญลักษณ์รูปตัว ‘R’ ปรากฏขึ้นมา ในส่วนของสัญญาณโทรศัพท์ สำหรับวันนี้เรามาศึกษากันดีกว่าว่า สัญญาณ Roaming คืออะไรเพื่อที่ว่าคุณจะได้มีความเข้าใจและใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น
Roaming คือ บริการข้ามเครือข่าย
ทำให้ผู้ที่นำโทรศัพท์มือถือของตน ออกไปใช้งานนอกพื้นที่ และเครือข่ายที่คุณเลือกใช้อยู่นั้นส่งคลื่นความถี่ไปไม่ถึง ด้วยเหตุนี้ทางเครือข่าย จึงพยายามทำให้โทรศัพท์ของคุณใช้งานได้ดังเช่นปกติ ด้วยการใช้เครือข่ายอื่นมาเป็นสื่อกลางในการเชื่อมต่อ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่…
- Roaming ภายในประเทศ Local Roaming
- Roaming ต่างประเทศ International Roaming
Roaming ต่างประเทศ อีกหนึ่งปัจจัยที่คุณต้องรู้
เมื่อคุณเดินทางไปต่างประเทศ พร้อมทั้งนำโทรศัพท์ไปด้วย และคุณมีความประสงค์ต้องการให้ SIM ที่ใช้อยู่นั้น สามารถใช้งานบริการโทรศัพท์รวมทั้งบริการอินเทอร์เน็ตได้เช่นเดิมไร้กังวลราวกับกำลังใช้อยู่ในประเทศ เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณจะเดินทางไปยังต่างประเทศ คุณจะต้องแจ้งแก่ผู้ให้บริการเครือข่ายที่คุณใช้อยู่เสียก่อน เพื่อแจ้งความประสงค์ว่าต้องการเปิดใช้งานบริการ Roaming โดยผู้ให้บริการ ก็จะมีการคิดค่าบริการ Roaming แตกต่างกันไป ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณไปในประเทศไหนนั่นเอง โดยคุณต้องแจ้งหมายเลขโทรศัพท์, ชื่อประเทศปลายทาง และระยะเวลาที่ต้องการใช้งาน ทางผู้ให้บริการก็จะจัดการให้แบบเสร็จสรรพ
เหตุใด Roaming ต่างประเทศแบบ Voice & SMS จึงมีราคาสูง
อัตราค่าบริการ Roaming ในต่างประเทศสำหรับ Voice & SMS Roaming มีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากการจะใช้งาน Smart Phone ให้โทรและรับ-ส่งข้อความในยามที่คุณอยู่ต่างประเทศได้ เฉกเช่นอยู่ที่ประเทศของตัวเอง มีปัจจัยในเรื่องของ 2 ผู้ให้บริการเครือข่าย ซึ่งอยู่คนละประเทศกัน โดยต้องทำการเชื่อมโยงเครือข่ายเข้าหากัน เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เหตุใดจึงมีอัตราค่าบริการที่มีราคาสูงกว่าการใช้งานการ Voice & SMS ภายในประเทศ betflik บาคาร่า
หากแต่อัตราค่าบริการ Roaming ต่างประเทศสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต จะมีราคาถูกกว่า Roaming ในต่างประเทศสำหรับการโทรและรับส่งข้อความ สำหรับเหตุผลในข้อนี้ ก็คือ การใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้น ไม่จำเป็นต้องส่งต่อสัญญาณย้อนกลับมาในประเทศต้นทางแต่อย่างใด เพราะไม่ว่าจะต่ออินเทอร์เน็ตจากเครือข่ายใดๆ ก็ตาม ผลลัพธ์คือคุณจะสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ได้ทุกแห่งทั่วโลกเช่นเดียวกัน
Roaming ในประเทศ
อีกหนึ่งข้อมูลที่คุณจำเป็นต้องรู้ ก็คือ บริการ Roaming ไม่ได้มีไว้ใช้ในยามเดินทางไปต่างประเทศเท่านั้น หากแต่ในประเทศตัวเองก็มีให้ใช้งานด้วย สำหรับ Roaming ในประเทศ มาจากการที่ผู้ให้บริการเครือข่าย ในประเทศ มีคลื่นความถี่สัญญาณเครือข่ายมากกว่า 1 ความถี่นั่นเอง ซึ่งการ Roaming ในประเทศ จัดเป็นการสลับเลือกความถี่ที่เหมาะสมต่อการใช้งานของคุณมากที่สุด นอกจากนี้ข้อมูลอีกอย่างที่คุณควรรู้ ก็คือ การใช้งานบริการ Roaming ภายในประเทศจะไม่มีการคิดค่าบริการเพิ่มเติมแต่อย่างใด โดยคุณสามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลง ได้จากบริเวณหน้าจอด้านบนของหน้าจอจะปรากฏตัว ‘R’ แต่โทรศัพท์บางรุ่นจะขึ้นเป็นสัญลักษณ์รูปสามเหลี่ยม Roaming ในประเทศใช้ในสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน เช่น คุณต้องเดินทางไปต่างจังหวัด ในบางครั้งสัญญาณคลื่นความถี่ของเครือข่ายมือถือ ที่คุณกำลังใช้งานอยู่นั้นให้บริการไม่ครอบคลุมพื้นที่ เพราะฉะนั้นคุณจึงต้องทำการ Roaming สัญญาณจากอีกคลื่นความถี่หนึ่ง ซึ่งอยู่ในเครือข่ายเดียวกันมาใช้งานแทนนั่นเอง
เอาล่ะเพียงเท่านี้คุณผู้อ่านก็คงมีความรู้ในเรื่องของ Roaming เพิ่มมากขึ้นกันแล้ว คราวนี้ก็สามารถพกโทรศัพท์ติดตัวไปได้ทั่วโลกอย่างไร้กังวลเลย